คุณเป็นโรคเพลียเรื้อรังหรือเปล่า
เพื่อนๆ เคยไหมที่นอนแต่หัวค่ำแล้วตื่นมายังรู้สึกเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา หรือเพลียมากๆ จนไม่อยากทำอะไรเลย อาการเหล่านี้ คือ โรคเพลียเรื้อรัง หลายคนอาจจะแปลกใจว่า มีด้วยหรือ โรคเพลียเรื้อรัง ขอบอกเลยค่ะว่า “มี” และก็ค่อนข้างจะเป็นอันตรายด้วยหากมีอาการหนักมากๆ วันนี้เราลองมาเช็คกันว่า…คุณเป็นโรคเพลียเรื้อรังหรือเปล่า
คุณเป็นโรคเพลียเรื้อรังหรือเปล่า
โรคเพลียเรื้อรัง (Chron)
ชื่อทางการแพทย์ก็คือ Chronic Fatigue Syndrome หรือ CFS ไม่ใช่อาการเจ็บไข้ได้ป่วยทั่วไปอย่างไข้หวัดหรือกล้ามเนื้ออักเสบ เพราะหากเป็นการเจ็บป่วยตามธรรมดาเหล่านี้ เราจะอธิบายและค้นหาสาเหตุได้ แต่อาการป่วยจาก CFS เป็นอาการป่วยที่ยากต่อการรักษา เพราะหาสาเหตุไม่พบและอธิบายไม่ได้ รวมถึงค่อนข้างวินิจฉัยยากเพราะคล้ายกับหลายโรค โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ และบางทีก็เกิดจากสร่างไข้ใหม่ๆ เลยทำให้ตัวคุณเองอาจไม่แน่ใจว่ายังไม่ฟื้นไข้หรือเปล่า
อาการของโรค
อาการเพลียในที่นี้ คืออาการที่เกิดกับร่างกาย เหนื่อยกาย ไม่ใช่เหนื่อยใจ แบบว่ารู้สึกเหนื่อย เพลีย หมดแรง ไร้เรี่ยวแรง ปวดเมื่อยเนื้อตัว ไม่ได้ทำงานหนักหนาสาหัส แต่ก็ยังรู้สึกเพลีย บอกได้เลยว่า เป็นไปได้ที่คุณกำลังเสี่ยงที่จะเป็นโรคเพลียเรื้อรัง
โรค CFS ทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำลง และมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง บางคนมีความจำเสื่อม สมาธิสั้นลง ปวดตามข้อหรือกล้ามเนื้อ เจ็บต่อมน้ำเหลือง (เช่น ตรงรักแร้ ขาหนีบ ฯลฯ) และเจ็บคอ
โรคเพลียเรื้อรัง (Chron) เกิดกับใครได้บ้าง
เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่สถิติยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเป็นไปได้ว่าผู้หญิงใส่ใจสุขภาพมากกว่าพอรู้สึกไม่สบายก็มักไปหาหมอ จึงทำให้ผู้ชายมีสถิติที่จะเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากกว่าผู้หญิง
โรค เพลียเรื้อรัง (Chron) เกิดจากอะไร
ยังไม่มีใครทราบว่า ภาวะเพลียเรื้อรังเกิดจากอะไรกันแน่ ชื่อนี้ได้มาจากอาการที่แสดงให้เห็น เพราะไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอ่อนเพลียมากๆ แม้จะพักผ่อนมากเท่าไรแล้วก็ตาม ทั้งเหนื่อยล้าเกินกว่าจะหยิบจับหรือทำอะไร ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก
ระวัง! ภาวะเพลียเรื้อรัง รักษาได้ แต่ไม่หายขาด
การสังเกตตัวเองอยู่เสมอ จะทำให้คุณรู้ตัวได้เร็วกว่า ว่าคุณกำลังเสี่ยงกับโรคนี้อยู่หรือเปล่า บ่อยครั้งที่ภาวะเหนื่อยเรื้อรังเกิดหลังจากป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่นว่าเป็นไข้หวัดหรือท้องเสีย บางครั้งก็เกิดในช่วงที่เครียดจัด แต่ก็มีเหมือนกันที่อยู่ดีๆ ก็เป็นขึ้นมาโดยไม่มีอาการเตือนหรือไม่สบายมาก่อน ปกติแล้วอาการจะเกิดแบบต่อเนื่อง หรือเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน
อาการของโรคนี้จะคลุมเครือชี้ชัดได้ยาก และแพทย์น้อยคนนักที่จะนึกถึง ซึ่งถ้าแพทย์ให้การรักษาตามอาการแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีหลายอาการประกอบกัน ก็เข้าข่ายว่าน่าจะเป็นภาวะเหนื่อยเรื้อรัง เพราะไม่มียาเฉพาะที่จะรักษาโรคนี้ให้หายขาด การรักษาตามอาการและการดูแลสุขภาพกายและใจจึงเป็นหนทางเดียวในขณะนี้ที่จะช่วยบรรเทาได้ พร้อมๆ ไปกับการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ทานอาหารให้สมดุล พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำ หลีกเลี่ยงความเครียด ที่สำคัญพอรู้ตัวว่า เป็นหรือเพียงแค่สงสัยก็ควรรีบกำจัดสิ่งที่จะไปกระตุ้นให้เป็นหนักขึ้นนั้นซะ ที่สำคัญหากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้แล้ว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
เข้าใจว่า ชื่อโรคอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะมีจริงเท่าไหร่ แถมฟังดูไม่น่าอันตรายอะไร แต่หากทิ้งไว้เพราะคิดว่าเป็นโรคเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่ากลัวคงไม่ดีแน่ เพราะโรคนี้ก็เหมือนกับโรคอื่นๆ ทั่วไป ที่ยิ่งปล่อยทิ้งไว้ รังแต่จะเป็นอันตรายร้ายแรงในอนาคต ข้อมูล Eduzones
No comments:
Post a Comment